รอยช้ำเป็นจ้ำที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนผิวหนัง ทั้งๆ
ที่ไม่ได้ถูกกระแทกหรือบีบรัด หากถูกพบหลังจากตื่นนอน
ความเชื่อเรื่องผีอำก็จะถูกยกมาเป็นสาเหตุของรอยช้ำปริศนา ทว่าระหว่าง ‘ผี’ กับ ‘มะเร็ง’ กลัวอะไรมากกว่ากันล่ะ?

วันนี้มีคำอธิบายรอยช้ำที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุบนผิวหนัง
และคงไม่ใช่เพราะผีอำ แต่เป็นสัญญาเตือนภัยสุขภาพว่า
อาจเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษาก็มีโอกาสเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่แค่รอยช้ำไม่รู้ที่มาเท่านั้นที่จะสรุปว่า
เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ยังต้องมีอาการอื่นๆ ปรากฏร่วมด้วย อาทิเช่น
อ่อนเพลีย มีไข้อ่อนๆ หลายวันก็ยังไม่ลดไม่หาย เลือดออกตามไรฟัน
ส่วนรอยช้ำที่เกิดขึ้นนั้นก็ยิ่งขยายใหญ่กว่าเดิมอีกเท่าตัว
สำหรับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคิเมีย
มีทั้งชนิดเฉียบพลันและชนิดเรื้อรัง โดยชนิดเฉียบพลันจะพบได้บ่อยกว่า
โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก
ซึ่งมีเม็ดเลือดอยู่ 3 ชนิด คือ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด
โรคนี้ถ้าเป็นแล้วจะส่งผลให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณ
มากกว่าปกติ แต่กลับไม่สามารถเจริญเป็นเซลล์ที่แข็งแรง
เหตุนี้เองทำให้ช่วงที่เม็ดเลือดขาวมีการแบ่งตัวมากกว่าปกติจะทำให้ร่างกาย
ขาดออกซิเจน อันตรายต่อสมอง หัวใจ และปอด
แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงที่เม็ดเลือดขาวลดจำนวนลงเพราะความไม่สมบูรณ์ของเม็ด
เลือดขาว
เมื่อนั้นร่างกายจะขาดตัวทำลายเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย
อันเป็นหน้าที่หลักของเม็ดเลือดขาว ส่งผลให้คนๆ นั้นมีภูมิต้านทานน้อย
เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ มีอาการไข้ และรู้สึกอ่อนเพลีย
ขณะที่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ ที่ขยายใหญ่ขึ้นนั้น
เกิดจากการที่เส้นเลือดปริแตกจึงมีเลือดออกอยู่ใต้ผิวหนังและไม่ยอมหยุด
สำหรับสาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวไม่อาจสรุปสาเหตุที่แน่ชัดได้
แต่ทางการแพทย์สันนิษฐานว่า เกิดจากภาวะผิดปกติของพันธุกรรม
และคนที่เป็นโรคทางพันธุกรรมบางอย่างมีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนอื่นๆ
ส่วนการรักษา หลังจากแพทย์เจาะตรวจนับเม็ดเลือด
เพื่อสำรวจความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือดแล้ว
จะให้ผู้ป่วยรับประทานยา บางรายอาจต้องใช้เคมีบำบัดร่วมด้วย
ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว คือ
ระวังอย่าให้มีบาดแผล ระวังการชนหรือกระแทก เพราะเลือดจะออกได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ยังต้องระวังการติดเชื้อเมื่อเป็นแผลด้วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น